วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

www.poonsup.com



วิธีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยตัวคุณเอง


1. เตรียมรถของคุณให้พร้อม รถจะต้องจอดบนพื้นราบ ใส่เบรกมือ และดับเครื่องยนต์ ปล่อยให้น้ำมันเครื่องเย็นลงสักพัก ถ้าคุณต้องการพื้นที่ใต้ท้องรถ ให้ใช้แม่แรงยกรถขึ้นและใช้ขาตั้งรองรับ การใช้แม่แรงยกรถอย่างเดียวอาจไม่มั่นคง ฉะนั้นอย่าเข้าไปใต้ท้องรถถ้าไม่มีขาตั้งรองรับ คุณอาจหาอะไรมาวางใต้เครื่องยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันหกลงบนพื้น
2 เปิดฝาครอบน้ำมัน หาตำแหน่งฝาครอบน้ำมัน (ตรวจสอบตำแหน่งจากคู่มือรถยนต์) และเปิดออก ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะสุญญากาศจะไม่ยอมให้น้ำมันไหลออก
3. หาตำแหน่งรูถ่ายน้ำมันเครื่อง ไปที่ใต้ท้องรถและหาตำแหน่งรูถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นน๊อตอันเดียวอยู่ด้านล่างสุดของอ่างน้ำมันเครื่อง
4. วางภาชนะ วางภาชนะที่ใหญ่พอที่จะเก็บน้ำมันเครื่องเก่าทั้งหมดไว้ใต้รูถ่ายน้ำมันเครื่อง และถอดน๊อตที่ท่อระบาย ต้องระวังอย่าให้น๊อตหล่นลงไปในภาชนะ และอย่าโดนน้ำมัน เพราะน้ำมันอาจร้อนมาก
5. ถ่ายน้ำมันเก่าออก ปล่อยให้น้ำมันเก่าไหลออกมาจนหมด ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายนาที
6. หาตำแหน่งตัวกรอง หาตำแหน่งตัวกรองเก่าจากคู่มือรถ ตัวกรองนี้จะต้องเหมือนกับตัวกรองที่คุณกำลังจะนำมาเปลี่ยน
7. ถอดตัวกรองเก่าออก หมุนประแจตัวกรองทวนเข็มนาฬิกาเพื่อคลายตัวกรองน้ำมัน ตัวกรองอาจมีน้ำมันอยู่เต็มจึงต้องระวังอย่าให้น้ำมันหกหรือสัมผัส
8. เตรียมตัวกรองใหม่ ทำความสะอาดที่รองรับตัวกรองน้ำมัน และทาน้ำมันบางๆ บนปะเก็นของตัวกรองอันใหม่
9. ใส่ตัวกรองอันใหม่ ค่อยๆ ขันตัวกรองอันใหม่ให้เข้าที่ด้วยมือ อย่าขันให้แน่นเกินไป  เอาน๊อตตัวเดิมไขกลับเข้าที่ และขันให้แน่นด้วยประแจ
10. เติมน้ำมันใหม่ ใช้กรวย ค่อยๆ เติมน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ ลงในเครื่องยนต์ ระวังอย่าให้หก วัดระดับน้ำมันด้วยแท่งวัดระดับน้ำมันเครื่องทุกๆ การเติม 2 ลิตร
11. ตรวจสอบระดับน้ำมันให้ถูกต้อง เมื่อได้ระดับน้ำมันที่ถูกต้องแล้ว ให้เปลี่ยนฝาครอบน้ำมัน สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้สิบนาที แล้วดับเครื่องอีกครั้ง ตรวจสอบระดับน้ำมันด้วยแท่งวัดระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง ถ้าระดับลดลง ให้เติมน้ำมันเพิ่ม

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

www.poonsup.com




          น้ำมันเบรกเป็นส่วนประกอบสำคัญอันหนึ่งในการเบรก ดังนั้นเราจึงควรตรวจสอบให้อยู่ในระดับที่พอดีเสมอ หากปล่อยให้น้ำมันเบรกแห้งหรือไหลออกไป จนหมดหรือเหลือเล็กน้อยอาจทำให้การเบรกไม่มีประสิทธิภาพได้
ขั้นตอนการเติมน้ำมันเบรก

1. เปิดฝากระโปรงรถยนต์ และทำการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเบรกในถ้วยน้ำมันเบรกว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าน้ำมันเบรกอยู่ MAX ไม่ต้องเติมน้ำมันเบรกถ้าเป็น  MIN ต้องเติมน้ำมันเบรกให้ถึงเส้น MAX ห้ามเติมน้ำมันเบรกเกินระดับ MAX จะทำให้น้ำมันเบรกกระฉอกเวลารถวิ่ง ซึ่งน้ำมันเบรกจะทำปฏิกิริยากับสีรถหรือบริเวณใกล้เคียงให้เสียหายได้

2. ก่อนเปิดฝาน้ำมันเบรกให้เช็ดทำความสะอาดบริเวณฝาปิด-เปิด ให้สะอาดเพื่อป้องกันเม็ดทรายหรือละอองต่างๆตกลงไป ซึ่งอาจทำใหระบบเบรกเสียหายได้

3. ปิดฝาให้เรียบร้อย อย่าลืมก่อนปิดฝาต้องทำความสะอาดบริเวณฝาปิดถ้วยน้ำมันเบรกด้วย มีรถยนต์รุ่นเก่าบางรุ่น ถ้วยน้ำมันเบรกจะติดอยู่บริเวณหัวเก๋งด้านคนขับก็ใช้วิธีการเติม แบบเดียวกัน
     การดูแลรักษาระดับน้ำมันเบรกและเติมน้ำมันเบรกให้ดูทุกๆ 3 วัน อย่าทิ้งให้นาน เพราะปริมาณน้ำมันเบรกจะลดลงในการใช้งานทุกครั้งจึงต้องหมั่นดูแล

www.poonsup.com





การทำให้ล้อแม็ก สวยนั้นเป็นเรื่องที่ดูแล้วไม่ยากนัก แต่การที่จะทำล้อแม็กสวยงามภายใต้ความแข็งแรง เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก

1. ถ้าล้อแม็กซ์ของคุณมีสิ่งสกปรกที่จะเข้ามาติดไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำมัน ยางมะตอย จากท้องถนน ฝุ่นผงจากผ้าเบรก เศษหิต ดินโคลนต่างๆ การทำความสะอาดต้องล้างด้วยสบู่ชนิดอ่อน แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาด ระวังอย่าใช้แปรงหรือเส้นใยสังเคราะห์ที่มีความกระด้าง และอย่าขึดสีโดยเด็ดขาด

2. ควรหลีกเลี่ยงการล้างล้อแม็กซ์ในขณะที่กำลังร้อนอยู่ เพราะเมื่อเราล้างด้วยน้ำสบู่ มักจะแห้งเร็วทำให้เกิดคราบเป็นจุดติดที่หน้าล้อได้ ดังนั้นเราจึงควรปล่อยให้ล้อเย็นก่อนทุกครั้งที่ทำความสะอาด

3. ใช้ฟองนุ่มๆ ถูบริเวณล้อแม็กซ์ และควรมีฟองน้ำแยกกันระหว่างการล้างล้อแม็กซ์ กับการล้างส่วนอื่นของตัวรถ เพราะ ล้อเป็นส่วนที่มีสิ่งสกปรกได้ง่าย หากใช้ฟองน้ำอันเดียวกัน ก็จะทำให้สิ่งสกปรกและ เม็ดทราย ไปติดหรือทำลายผิวสีของส่วนอื่นก็ได้


4. ล้อขอบเงาส่วนล้อที่เป็นลักษณะขอบเงา การดูแลอาจต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่มักจะ เคลือบ แลคเกอร์ ไว้ แต่ถึงอย่างไร ความคงทนก็ย่อมด้อยกว่า การทำสี ดังนั้นไม่ควรใช้แปรงที่ขนแข็ง หรือใช้วัสดุอื่น ขัดอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ ฟิลม์ แลคเกอร์ ซึ่งค่อนข้างบางอยู่แล้ว เกิดชำรุด ซึ่งจะก่อให้เกิดคราบขี้เกลือ ( สนิมขาว Oxidation ) เกิดขึ้น 




วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มาตรวัดบูสต์ (BOOTS METER)






มาตรวัดบูสต์ (BOOTS METER)


         มาตรวัดตัวนี้จะเห็นในรถยนต์แทบทุกคันที่มีการติดตั้ งเทอร์โบเข้าไป รวมถึงรถยนต์ที่มีเทอร์โบมาจากโรงงานก็อาจจะมีตัวนี้ มาให้ เนื่องจากมันเป็นตัวบ่งบอกสำคัญให้ผู้ขับขี่ทราบว่า มีแรงดันอากาศ  หรือแรงบูสต์เข้ามายังเครื่องยนต์มากน้อยเพียงไร มาตรวัดตัวนี้โดยปกติบนหน้าปัด จะมีค่าตัวเลขด้านล่างขึ้นมาที่ 0 ซึ่งเป็นค่าของ แวคคั่ม หรือ แรงดันลบ และจาก 0 ขึ้นไป จะเป็นของเทอร์โบ หรือ แรงดันบวก และในส่วนของเทอร์โบนี่เองที่จะเป็นส่วนบ่งบอกว่า เทอร์โบ กำลังทำงานอยู่สำหรับการดูค่าอัตราบูสต์เทอร์โบนั้นถ้าหากว่าเข็มบนมาตรวัดเดินช้ามาก เป็นตัวแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า เทอร์โบมีขนาดใหญ่เกินไป ส่งผลให้ไอเสียที่ไปปั่นใบเทอร์โบไม่พอ การแก้ไขก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นแคมฯ องศาสูง หรือไม่ก็เปลี่ยนจังหวะของวาล์วเป็นต้น นอกจากนี้หากบนมาตรวัดชี้ว่ามีแรงบูสต์สูงเกินไปจากที่มีการตั้งค่าเอาไว้ ก็อาจจะสรุป ได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นที่สปริงวาล์วของเวสต์เกต ที่เป็นตัวควบคุมแรงดันบูสต์ของเทอร์โบเป็นต้น สำหรับมาตรวัดอัตรา การบูสต์นี้ อาจจะมีค่าการวัดไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจบ่งบอกค่าการวัดเป็น Bar (บาร์) หรือว่าpsi (ปอนด์) อีกทั้งค่าสูงสุดของมาตรวัดบูสต์ ก็ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการ
www.poonsup.com


วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กลเม็ดดูแลกระจกรถยนต์ด้วย 3 วธี






กลเม็ดดูแลกระจกรถยนต์ด้วย 3 วธี

วันนี้เรามาขอนำเสนอเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนรักรถยน์ ก็คือ การดูแลกระจกรถยนต์นั่นเอง
                              1. ใช้น้ำยาทำความสะอาดกระจกและใช้หนังสือพิมพ์เช็ด 
        แต่... ถ้าคุณไม่มีเราขอนำเสนอวิธีที่ช่วยคุณประหยัดได้  โดยคุณสามารถใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดแทน
                                                     น้ำยาเช็ดก็ได้เป็นการช่วยให้คุณประหยัดไปอีกทาง

                      2. ปัญหาฝ้ากระจกในฤดูหนาว หรือฤดูฝน ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นของคุณ มีวิธีแก้ง่ายคือให้นำน้ำยา                                                                     ทำความสะอาดกระจกติดไปด้วยนั่น


                   3. กระจกเป็นรอยมีสาเหตุมาจากหลายอย่างด้วยกัน อาทิ เลื่อนกระจกขึ้นลงในขณะที่ยางไม่ดี 
                        เเละที่ปัดน้ำฝนไม่ดี ทำให้กระจกไม่ใส ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้กระจกรถของเราไม่ใส
                                   เราควรระมัดระวังและดูแลอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระจกให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์





วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

8 วิธีทำความสะอาดรถยนต์ให้ใหม่กริป



8 วิธีทำความสะอาดรถยนต์ให้ใหม่กริป

1. ใช้ไม้ขนไก่หรือผ้าแห้งนุ่มปัดหรือเช็ดฝุ่นออกเบาๆ ผ้าที่ใช้ต้องไม่หยาบหรือมีของแข็งใดๆติดอยู่
2. หากปัดหรือเช็ดออกแล้วยังไม่สะอาดพอ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออก แต่ไม่ควรเช็ดอย่างรุนแรง เพราะอาจเกิดรอยขีดข่วนบนตัวรถได้
4. ใช้น้ำสะอาดและล้างออกอย่างสะอาดหมดจด ถ้าทำได้อย่าลืมฉีดน้ำล้างดิน โคลน หรือสิ่งสกปรกใต้ท้องรถให้สะอาดด้วยการใช้แปรงอ่อนๆ ขัดขณะฉีดน้ำล้าง ใช้ผ้านุ่มผสมสบู่ล้างครั้งนึง แล้วล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
5. ล้างรถจากส่วนบนสุดของรถลงมา ไม่ควรใช้แปรงขัดเป็นอันขาด ใช้ผ้านุ่มๆ ฟองน้ำ หรือหนังชามัวส์เท่านั้นนะคะ เพราะสีอาจจะถลอกได้ค่ะ
6. คราบสกปรกที่น้ำธรรมดาล้างไม่ออก ให้ใช้น้ำสบู่ล้างแทนนะคะ ไม่ควรใช้ผงซักฟอกเป็นอันขาด
7. เมื่อล้างน้ำแล้ว ต้องเช็ดให้แห้งทันที เพราะการปล่อยให้น้ำแห้งนั้น จะเกิดคราบเป็นดวงๆติดอยู่บนตัวรถ

8. ขั้นตอนสุดท้าย ใช้สารเคมีเคลือบสีพวกครีมขี้ผึ้งขัดให้เงางาม แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วจ้ะ